วันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 เวลา 13.30 น. ที่ ห้องประชุมหลวงปู่หลิว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อม นายแพทย์ธีรพจน์ ฟักน้อย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงาน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมฯ รับชม การประชุมติดตามการขับเคลื่อนการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว ก่อนเปิดกิจกรรม Kick Off และเยี่ยมชมศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) และศูนย์เรียนรู้สาธารณสุขชายแดน โดย นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานฯ พร้อมทั้งได้โฟนอินรายงานจากจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วม Kick Off ด้วย
จากนั้น นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในพิธี Kick off เปิดศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ ขับเคลื่อนการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว จังหวัดกาญจนบุรี โดย นายแพทย์ธีรพจน์ ฟักน้อย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ฯ พร้อม หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมฯ
จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี สำนักงานจัดหางานจังหวัดกาญจนบุรี ที่ทำการปกครองจังหวัดกาญจนบุรี จัดพิธี Kick off เปิดศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพ แรงงานต่างด้าว จังหวัดกาญจนบุรี นำร่อง 4 จังหวัดที่มีศูนย์พักพิงชั่วคราว สำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนต่างด้าวที่พำนักอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวและประสงค์จะออกมาทำงาน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 และสนองตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ในประเด็น “เร่งรัดให้แรงงานต่างชาติหรือต่างด้าว ซื้อประกันสุขภาพ ลดภาระประเทศ” เปิดให้บริการตรวจสุขภาพและซื้อประกันสุขภาพภาครัฐที่ต้นทางครอบคลุมสิทธิทุกจังหวัดปลายทาง และขยายสู่ทุกหน่วยบริการเต็มรูปแบบทั่วประเทศ
ในส่วนของจังหวดกาญจนบุรี มีศูนย์พักพิงชั่วคราว สำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา 1 แห่ง คือ ศูนย์พักพิงผู้หนีภัยสู้รบบ้านต้นยาง อำเภอสังขละบุรี ได้ดำเนินการสำรวจความประสงค์ที่ จะออกมาทำงาน จำนวน 419 คน ประกอบด้วยอาชีพทำสวนผลไม้ โรงงาน ก่อสร้าง และไร่อ้อย โดยคนต่างด้าวกลุ่มนี้จะได้รับการตรวจสุขภาพและซื้อประกันสุขภาพ จากโรงพยาบาลสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะดำเนินการ จัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล การตรวจสุขภาพและการซื้อประกันสุขภาพ ผ่านระบบ FDH–Migrants Platform ทำให้เกิดความสะดวกทั้งแรงงานต่างด้าว และเจ้าหน้าที่ รวมถึงสถานประกอบการ ภาระประเทศด้านค่ารักษาและควบคุมโรคแนวชายแดน อีกด้วย